" "
นับถึงวันนี้ ก็ 5 วันแล้ว ที่โลกลูกหนังต้องสูญเสียอีกหนึ่งตำนานไปอย่างไม่มีวันกลับ

ดราม่า การเสียชีวิตของ “มาราโดน่า”

นับถึงวันนี้ ก็ 5 วันแล้ว ที่โลกลูกหนังต้องสูญเสียอีกหนึ่งตำนานไปอย่างไม่มีวันกลับ

เมื่อ ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า เสียชีวิตลงด้วยวัย 60 ปี ที่บ้านพักในเมืองติเกร ประเทศอาร์เจนตินา

นับถึงวันนี้ ก็ 5 วันแล้ว ที่โลกลูกหนังต้องสูญเสียอีกหนึ่งตำนานไปอย่างไม่มีวันกลับ

 

เนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว แต่แล้วการตายของ “เสือเตี้ย” ก็มีดราม่าเกิดขึ้นจนได้ เมื่อ แพทย์ผู้ดูแลอดีตกัปตันทีม “ฟ้าขาว” ถูกนำตัวมาสอบสวน ว่าอาจมีข้อบกพร่องซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของ มาราโดน่า สื่อบางสำนักถึงกับมีการพาดหัวข่าวใหญ่โตว่า นี่คือ “การฆ่าคนตายโดยประมาท” อย่างไรอย่างนั้น

สาเหตุการจากไปของตำนาน

         ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดิเอโก้ มาราโดน่า เข้าพักรักษาตัวที่คลินิก แห่งหนึ่งในเมืองลา พลาต้า ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดเลือดคั่งในสมอง จากนั้นวันที่ 12 พฤศจิกายน “เสือเตี้ย” ได้รับไฟเขียวจากทีมแพทย์ให้กลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านพักได้

ซึ่งหลังจากผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ดร.เลโอโพลโด ลูเก้ แพทย์ประจำตัวของ มาราโดน่า มีภาพจับมือ “เสือเตี้ย” พร้อมกับคำให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมขอให้คำมั่นสัญญากับคุณ (มาราโดน่า) ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวผม เราทั้งสองจะผ่านพ้นมันไปด้วยกัน วันนี้เราก็ได้ฉลองความสำเร็จจากการผ่าตัดที่ลุล่วงไปได้ด้วยดี หวังว่าคุณจะกลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข มาราโดน่า ผมจะรักคุณตลอดไป”

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ มาราโดน่า ถูกพบว่าเสียชีวิตลงด้วยวัย 60 ปี ที่บ้านพัก ขณะที่กำลังนอนหลับ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งจากผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่า มาราโดน่า ยังตรวจพบว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม ซึ่งเป็นอาการป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจ จนนำไปสู่การที่หัวใจเต้นช้าลง และขยายใหญ่ขึ้น จนหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ จึงเกิดอาการบวมน้ำในปอด จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

ข้อสงสัยในการเสียชีวิต

         ภายหลังการสูญเสีย ดาลม่า และ จิอันนิน่า ลูกสาวทั้งสองคนของ มาราโดน่า เผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงความสงสัยในกระบวนการรักษาคุณพ่อ ที่อาจเกิดการรักษาที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ มาราโดน่า ต้องลาจากโลกนี้ไป

นั่นก็นำไปสู่การที่ตำรวจบุกไปรวบ ดร.เลโอโพลโด ลูเก้ แพทย์ประจำตัวของ มาราโดน่า ถึงบ้านพัก เพื่อนำตัวมาสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่กว่า 60 นาย ยังได้รับอนุญาตจากศาลในกรุงบัวโนส ไอเรส ให้ค้นหาหลักฐาน ทรัพย์สินต่างๆ ที่บ้านพัก และคลินิกที่นายแพทย์ผู้นี้ทำการผ่าตัดเลือดคั่งในสมองให้กับ “เสือเตี้ย” ด้วย โดยผู้พิพากษา พิจารณาจากคำฟ้องร้อง ให้ทำการตรวจสอบว่ากรณีของ มาราโดน่า ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องหรือไม่ และเมื่อได้รับอนุญาตให้ออกจากคลินิก ไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน เหตุใดจึงไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือรถพยาบาลสแตนบายด์พร้อมอยู่ที่บ้านพักของฮีโร่ของชาวอาร์เจนไตน์

โดย มาติอัส มอร์ลา ทนายความของ มาราโดน่า ซึ่งก่อนหน้านี้ ตั้งข้อสังเกตไปยังการทำหน้าที่ของ ดร.ลูเก้ ว่าเหตุใดทำไมถึงไม่มีการรีเช็คอาการของ มาราโดน่า หลังจากผ่าตัด 12 ชม. และการดูแลหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น เพราะ “เสือเตี้ย” ต้องมาเสียชีวิตลงทั้งที่เพิ่งออกจากคลินิกได้เพียง 2 สัปดาห์ อีกทั้งล่าสุด ทนายความยังเตรียมฟ้องร้องเอาผิดต่อหน่วยพยาบาลฉุกเฉินที่ปฏิบัติการล่าช้า รถพยาบาลกว่าจะมาถึงบ้านพักที่เกิดเหตุ กินเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถยื้อชีวิต “เทพเจ้าลูกหนัง” ได้ทัน

เมื่อแพทย์ข้างกาย กลายเป็นแพะรับบาป   

ด้าน ดร.ลูเก้ ที่ถูกสื่อบางสำนักตราหน้า พาดหัวข่าวว่า “imputado” หรือที่แปลว่า “ผู้ต้องหา” ตัวเบ้อเริ่มตามหน้าหนังสือพิมพ์ ยอมรับว่าเขาตกใจมากที่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคาะประตูบ้านของเขา เรียกได้ว่ามากันเต็มอัตราศึก

โดย แพทย์รายนี้ยืนยันทั้งน้ำตา ว่าได้ทำหน้าที่รักษา มาราโดน่า อย่างดีที่สุด เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เพื่อนต้องมาเสียชีวิตลง แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยุติธรรมเช่นกันที่เขาต้องมาเจอสอบสวนอะไรแบบนี้ ซึ่ง ดร.ลูเก้ รู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครต้องการให้เขาเป็นแพะรับบาป

ทั้งนี้ ดร.ลูเก้ ยอมรับว่าเคสของ มาราโดน่า ค่อนข้างหนัก เนื่องจากมีปัญหาทั้งเรื่องยาและแอลกอฮอล์ ซึ่ง “เสือเตี้ย” เกลียดที่จะไปพบแพทย์และนักจิตวิทยา ไม่ชอบที่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล แต่สำหรับตัวเขาแล้ว มาราโดน่า มองว่าเป็นเพื่อนมาตลอด จึงยอมที่จะปฏิบัติตามในการรักษาที่ผ่านมา ส่วนเรื่องสอบสวนที่เกิดขึ้น ดร.ลูเก้ ก็ยังงงถึงวันนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อทั้งลูกๆ และหลานชายของ มาราโดน่า ก็ให้ความเคารพนับถือในตัวเขามาตลอด

แต่เมื่อมีการสอบสวนเกิดขึ้น ตำรวจจำเป็นต้องสืบหาหลักฐาน รวมถึง สอบถามพยาน ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ จอห์นนี เอสโปซิโต้ หลานชายวัย 24 ปี ที่อยู่กับ มาราโดน่า เป็นคนสุดท้ายที่บ้านพัก โดย เอสโปซิโต้ เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า มาราโดน่า ตื่นนอนมาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว และเอ่ยปากว่ารู้สึกหนาว ซึ่งหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1986 ยังบอกอีกว่า “เขารู้สึกไม่ดีเลย” ก่อนล้มตัวลงนอนที่เตียง ซึ่งหลานชายก็ไม่คิดว่า นั่นจะเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้ยิน

นอกจากนี้ ยังมีพยาบาลส่วนตัวที่ถูกจ้างมาคอยดูแล มาราโดน่า ต้องเข้ารับการสอบสวน โดย ดาเฮียน่า จิเซล่า เปิดเผยว่า เธอเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 06.30 น.ในตอนเช้า ขณะนั้น มาราโดน่า ยังนอนพักผ่อน จากนั้นเวลา 07.30 น. เธอก็ได้ยินเสียงเดินอยู่บนห้องของ มาราโดน่า และในเวลา 08.30 น. มาราโดน่า ก็ยังคงพักผ่อนอยู่ในห้อง จนกระทั่งเวลา 09.20 พยาบาลเตรียมเครื่องมือจะเข้าไปตรวจวัดชีพจร แต่ มาราโดน่า ปฏิเสธไม่ยอมให้ตรวจ

ซึ่งในตอนแรก จิเซล่า ปฏิเสธไปยัง เมดิดอม บริษัททางการแพทย์ที่มีให้บริการพยาบาลส่วนตัวในการไปดูแลผู้ป่วย ว่าเธอไม่ได้เข้าไปในห้องนอนของ มาราโดน่า แต่อย่างใด แต่ภายหลังเธอยอมรับว่าโกหก เพราะไม่อยากให้ตัวเองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของตำนานลูกหนังซึ่งเป็นที่เทิดทูนของชาวอาร์เจนไตน์

ด้าน จิตแพทย์ ซูซาน่า โคซาชอฟ และ คาร์ลอส ดิอาซ นักจิตวิทยา ได้รับแจ้งจากบริษัท จึงเดินทางไปยังบ้านพักของ มาราโดน่า หลังได้รับแจ้งว่ามีสัญญาณไม่ดีเกิดขึ้น เมื่อไปถึง แพทย์พยายามปฐมพยาบาล ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ “เสือเตี้ย” ฟื้นขึ้นมา ก่อนตัดสินใจโทรเรียก 999 เพื่อให้รถหน่วยพยาบาลฉุกเฉิน รีบมานำตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึง ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เมื่อ มาราโดน่า ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ขณะที่กำลังหลับใหล ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

ถึงวันนี้ ร่างไร้วิญญาณของ มาราโดน่า ถูกฝังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีใครที่จะลืมตำนาน “หัตถ์พระเจ้าบันลือโลก” ผู้นี้ไปได้ วงการลูกหนัง โดยเฉพาะแฟนบอลทีมชาติอาร์เจนตินา และสโมสรนาโปลี ที่ มาราโดน่า ฝากชื่อไว้เป็นตำนาน ยังคงระลึกถึงฮีโร่อยู่ทุกลมหายใจ ส่วนเรื่องการสอบสวนการเสียชีวิตของ “เสือเตี้ย” ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อให้ทุกอย่างออกมากระจ่างชัดที่สุด แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คงไม่สามารถช่วยต่อลมหายใจให้ตำนานฟื้นคืนกลับมาได้ … ลาก่อน ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า นักเตะในตำนาน ยากที่ใครจะลืมเลือนได้ลง

 

 

ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอล ใหม่สด ทุกวัน

บทความข่าวฟุตบอล :: อ่านบทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

บทวิเคราะห์ฟุตบอล ::  อ่านบทวิเคราะห์บอลก่อนหน้า

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี

@footballmoment