" "

ดิโน่ ซอฟฟ์ ตำนานนายทวานแดนมะกะโรนี

ดิโน่ ซอฟฟ์ เกิดใน Mariano del Friuli เขาเริ่มต้นอาชีพได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เมื่อตอนอายุ 14 ได้ไปลองทดสอบฝีเท้ากับ อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส แต่ถูกทั้ง สองสโมสรปฏิเสธ เนื่องจาก ทั้งสองสโมสรให้เหตุผลว่าซอฟฟ์นั้นเตี้ยเกินไปในตำแหน่งผู้รักษาประตู

หลังจากนั้น 5 ปี ซอฟฟ์เปิดตัวเป็นนักเตะอาชีพครั้งแรกกับอูดิเนเซ่ ด้วยความสูงที่สูงกว่าเดิมตอนทดสอบฝีเท้ากับอินเตอร์และยูเว่ถึง 33 เซนติเมตร

ฤดูกาล 1961-1962 ฤดูกาลแรกของซอฟฟ์ ในวัย 19 ปี เป็นผู้รักษาประตูมือ 3 ของทีม ลงสนามให้อูดิไปเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น และทีมของเขาก็ตกชั้นจากเซเรียอา ในฤดูกาลนั้น โดยเกมประเดิมสนามของเขานั้น เป็นการออกไปเยือน ฟิออเรนติน่า แล้วก็โดนถล่มกลับมาถึง 5-2 เมื่อ 24 กันยายน 1961

ฤดูกาล 1962-1963 อูดิตกลงไปเลนในเซเรีย บี แต่นั่นทำให้ นายทวารหนุ่มวัย 20 ปีได้แสดงความสามารถ กับการขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของทีม แต่อูดิเนเซ่ในตอนนั้น ไม่ได้เป็นทีมที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย ซอฟฟ์ต้องพาทีมดิ้นรนหนีการตกชั้นเป็นครั้งที่ 2 จบฤดูกาลมีคะแนนห่างโซนตกชั้นสู่เซเรีย ซี แค่ 3 คะแนน รอดการตกชั้นแบบหวุดหวิด

ผลงานของซอฟฟ์ในเซเรียบี กับอูดิเนเซ่ ไปเตะตาทีมในเซเรีย อา อย่างทีม มานโตว่า ซื้อซอฟฟ์ไปร่มทีมด้วยราคา 30 ล้านลีร์ แต่ทีมมานโตว่า เป็นทีมระดับกลางๆตาราง ค่อไปทางครึ่งล่าง ซอฟฟ์อยู่ที่นี่ 4 ปี ไม่ประสบความสำเร็จใดๆเลย ทีมต้องตกชั้นไปเล่นในเซเรีย บี ในฤดูกาล 1965-1966 อีกด้วย แต่ซอฟฟ์ก็ตามทีมลงไปในเซเรียบี และช่วยให้ทีมกลับสู่เซเรียอาได้ในปีเดียว

ฤดูกาล 1967-198 ซอฟฟ์ย้ายซบนาโปลี ในเที่ยงคืนวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ ในราคาสูงถึง 120 ล้านลีร์ เพียงแค่ฤดูกาลแรก ซอฟฟ์ พาทีมนาโปลีเได้รองแชมป์เซเรีย อา โดยซอฟฟ์ลงสนามไป 30 นัด เสียเพียง 24 ประตูเท่านั้น

ตลอดเวลา 5 ปีที่อยู่นาโปลี ซอฟฟ์เสียประตูเฉลี่ย ฤดูกาลละ 20 ลูกเท่านั้น นาโปลีทีม ระดับกลางในตอนนั้นเล็กไปเสียแล้วสำหรับผู้รักษาประตูรายนี้

ซอฟฟ์ในวัย 30 ปี ฤดูกาล 1972-1973 ย้ายซบม้าลายยูเวนตุส

ซึ่งที่ตูรินนี่เอง ซอฟฟ์ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แชมป์เซเรีย อา ถึง 6 สมัย โคปา อิตาเลีย อีก 2 สมัย ยูฟ่า คัพอีก 1 สมัย ใน 11 ปีที่ค้าแข้ง และไม่มีฤดูกาลไหนเลยที่ซอฟฟ์จะเสียประตูเกิน 30 ประตูใน 1 ฤดูกาล และเคยสร้างสถิติไม่เสียประตูนานถึง 903 นาที

ความผิดหวังครั้งเดียวที่น่าเสียดายของซอฟฟ์ในสมัยเล่นกับ สโมสร คือ เขาไม่เคยคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพได้เลย ใกล้เคียงที่สุดคือในปี 1982-1983 ซอฟฟ์ ในวัย 40 ปี นำลูกทีม ม้าลายยูเวนตุส ลงเล่นรอบชิง ครั้งสุดท้ายในชีวิตการค้าแข้ง

แต่ทีมของกัปตันซอฟฟ์ กลับแพ้พลิกล็อคต่อฮัมบูร์กไป 1-0 ในนัดชิงที่ เอเธนส์ และซอฟฟ์ประกาศแขวนถุงมือทันที

กับทีมชาติอิตาลี่ ซอฟฟ์ประเดิมสนามครั้งแรกในวัย 26 ปี เมื่อสมัยอยู่กับนาโปลี ในเกมอุ่นเครื่อง ของทีมชาติ ในนัดที่ชนะบัลแกเรีย 2-0 วันที่ 20 เมษายน 1968 ก่อนที่ซอฟฟ์ถูกเรียกตัวติดทีมชาติิตาลี่ชุดลุยยูโร 68 ที่ประเทศอิตาลี่เป็นเจ้าภาพเอง

สมัยนั้น รอบสุดท้าย ยูโร มีทีมเข้าร่วมแค่ 4 ชาติ ชาวมะกะโรนีตกอยู่ในอาการคลั่งฟุตบอล เกมดวลแข้งรอบรองชนะเลิศ ระหว่างอิตาลีกับโซเวียตเป็นไปท่ามกลาง สายฝนอันหนักหน่วง หลังบดกัน 120 นาที ต่างยังทำอะไรกันไม่ได้สมัยนั้นยังไม่มีการเตะลูกโทษหาผู้ชนะ ผู้แพ้ ชะตาแชมป์ของทั้งสองเลยตกอยู่กับการโยนเหรียญผลจากการโยนหัว-ก้อย เจ้าภาพเฮงกว่า เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสมใจอยาก ส่วนคู่ตัดเชือกระหว่างยูโกฯกับอังกฤษนั้น เป็นที่คาดกันว่าฝ่ายหลังจะเป็นผู้ชนะ แต่ก่อนเวลาหมดลงเพียง 5 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่เทรนเน่อร์ทั้งสองทีมเตรียมวางแผนใหม่ให้ลูกทีมเพื่อเล่นในช่วงต่อเวลา ดราแกน ซายิชก็สปีดขึ้นมาในลีลาหลบหลีกก่อนส่งบอลผ่านมือกอร์ดอน แบ๊งค์ส นายทวารอังกฤษ สิงโตคำรามกลายเป็นสิงห์หงอย จำใจลงเตะนัดชิงที่ 3 กับหมีขาว

8 มิถุนายน 1968 โอลิมปิก สตาดิโอนในกรุงโรมแน่นขนัด ซอฟฟ์ในวัย 26 ลงเล่นให้ทีมชาติในนัดชิงชนะเลิศทัวนาเม้นท์แรกในชีวิตการรับใช้ชาติ และชาวอิตาเลี่ยนก็ช็อกหมู่ทั้งชาติ เมื่อดราแกน ซายิชยิงให้ยูโกสลาเวียนำไปก่อนในนาทีที่ 39 อิตาลีต้องรอจนถึงนาทีที่ 80 กว่า อันเจโล่ โดเม็งกินี่ จะทำการตีเสมอชุบชีวิตทีมซึ่งกำลังจะหลงหลุมให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ครบ 90 นาที ยังเสมอกัน 1-1 และจนกระทั่งหมดช่วงต่อเวลาก็ยังไม่ได้ผู้ชนะ ยุคนั้นการวัดดวงด้วยจุดโทษยังไม่มีในสารบบ สองวันให้หลัง แมตช์ชิงนัดล้างตาก็เกิดขึ้น ลุยจิ ริว่า นำอิตาลี่สู่บัลลังก์แชมป์ด้วยลูกยิงในนาทีที่ 12 และพอ ปิเอโต อนาสตาซี่กระหน่ำประตูที่ สองให้อิตาลี อัซซูรี่หันมาสู่ระบบคาเตนัดโช่ ตีหัวแล้วรีบย่องกลับบ้านอย่างเคย แล้วแชมป์ยูโร 1968 ก็ตกอยู่กับอิตาลี

ทัวร์นาเม้นท์ในทีมชาติต่อมาของซอฟฟ์คือฟุตบอลโลกปี 70 ที่เม็กซิโก ซอฟฟ์ติดทีมชาติไปด้วย แต่ต้องตกเป็นตัวสำรองของรุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง เอ็นริโก้ อัลเบอโตซี่

ทีมชาติอิตาลีผ่านทะลุเข้าชิงไปได้ แต่ในรอบชิง ต้องพ่ายแพ้ความยอดเยี่ยมของบราซิล ภายใต้การนำทีมของเปเล่ ยอดดาวยิงในขณะนั้น โดยสกอร์ในนัดชิงจบที่ บราซิล 4-1 ซอฟฟ์ไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นัดเดียว แต่หลังจากจบทัวร์นาเม้นท์นี้ ซอฟฟ์ก็ยึดมือหนึ่งทีมชาติยาวตลอดชีวิตการค้าแข้ง

ช่วง ตั้งแต่ วันที่ 20 กันยายน 1972 ถึง 15 มิถุนายน 1974 ซอฟฟ์สร้างสถิติ ไม่เสียประตูในนามทีมชาติ รวมเวลาทั้งสิ้น 1143 นาที นับเป็นสถิติโลกจนถึงปัจจุบัน ของการไม่เสียประตูในนามทีมชาติ

ทัวร์นาเม้นท์ต่อมาคือ ฟุตบอลโลก ปี 74 ที่เยอรมัน ทีมชาติอิตาลี่ตกรอบแรก หลังเก็บชัยได้นัดเดียวจากการแข่งทั้ง 3 นัด โดยการชนะนัดเดียวนั้น เป็นการชนะทีมต่ำชั้นกว่าอย่างเฮติ

ปี 1977 การประกาศอำลาทีมชาติของรุ่นพี่ตำนาน และกัปตันทีมชาติอิตาลี อย่างเจียซินโต้ ฟัคเค็ตติ ทำให้ซอฟฟ์ในวัย 35 ปี ก้าวขึ้นเป็นกัปตันทีมชาติ

ทัวร์นาเม้นท์ระดับชาติทัวร์นาเม้นท์สุดท้ายของซอฟฟ์ คือฟุตบอลโลกปี 82 ที่สเปน ซอฟฟ์วัย 40 ปี นำลูกทีมเข้าเล่นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชีวิตการค้าแข้ง

ทีมชาติอิตาลี่เริ่มต้นรอบแรกไม่สวยนัก มีผลงานกระท่อนกระแท่นในรอบแรก เสมอรวดทั้ง 3 นัดในรอบแรก ถึงขนาดที่ว่าต้องวัดประตูได้-เสียที่ดีกว่าแคเมอรูนเท่านั้น จึงผ่านเข้ารอบสองได้

รอบแบ่งกลุ่มรอบ 2 อิตาลี่ ต้องมาอยู่รวมกลุ่มกับ 2 ทีมดังจากอเมริกาใต้ แต่เป็นอิตาลี่สไตล์ ที่ฟอร์มค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ในรอบสองนี้ พวกเขาเก็บชัยได้กับทั้ง อาร์เจนติน่า รวมถึงบราซิล

บราซิลที่สวยงามด้วยพรสวรรค์ของ ซิโก้ , ฟัลเกา ,เอแดร์ และคุณหมอ โซคราเตส ลูกทีมของ เทเล ซานตาน่า หนึ่งในยอดโค้ชตลอดกาลของบราซิล ไล่ถล่มคู่แข่งไม่หยุดในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก และรอบสองนัดแรกที่เอาชนะอาร์เจนติน่า 3-1

แต่กลับถูกเปาโล รอสซี่ ซัดคนเดียว 3 ประตู พาอิตาลี่ชนะ 3-2

ในรอบรองชนะเลิศ อิตาลี่กลับมาเจอกับโปแลนด์อีกครั้ง หลังเคยเจอกันแล้วในรอบแรกเสมอกัน 0-0 แต่นัดนี้ อิตาลี่ของซอฟฟ์ ชนะไป 2-0 จาก 2 ประตูของ เปาโล รอสซี่อีกแล้ว

ในรอบชิง อิตาลี่โคจรมาพบกับ เยอรมัน ก่อนที่อิตาลี่ ชนะไปแบบไม่ยากเย็นนัก 3-1 ซอฟฟ์ นายทวารกัปตันทีมวัย 40 ปี ได้ก้าวขึ้นรับโทรฟี่แชมป์โลก จากพระหัตถ์ของ กษัตริย์ ฆวน คาร์ลอส ของสเปน และนับจากนาทีนั้นเองอิตาลีก็กลายเป็นชาติที่ 2 ต่อจากบราซิลที่สามารถคว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ

นั่นทำให้ ซอฟฟ์ ทำสถิติ กลายเป็นนักเตะที่มีอายุมากที่สุด ที่ได้แชมป์โลกไปครองจวบจนปัจจุบัน

ซอฟฟ์เป็นผู้รักษาประตูที่ถูกจัดอันดับ อันดับ 3 ของผู้รักษาประตูที่ยอดเยียมที่สุดในศตวรรษที่ 20 จัดโดย IFFHS ตามหลังเลฟ แยชินและกอร์ดอน แบงส์ กับการแข่งขัน 112 นัด เขาเป็นที่ 3 รองจากฟาบิโอ คันนาวาโรและเปาโล มัลดีนี ในเรื่องจำนวนการแข่งขันให้กับฟุตบอลทีมชาติอิตาลี และในปี ค.ศ. 2004 เปเล่ให้เขาติดใน 125 อันดับนักฟุตบอลที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่**https://www.footballmoment.com/

ข่าวก่อนหน้า

@footballmoment